Search

วิกฤติเศรษฐกิจ ความมั่นคงทางทะเล “เรือดำน้ำ” สำคัญไฉน ประเทศไทยไม่มีมา 69 ปี - ไทยรัฐ

crime-cimne.blogspot.com

นายยุทธพงศ์ ในฐานะรองประธานคณะอนุกรรมาธิการครุภัณฑ์ฯ พร้อมด้วย นายครูมานิตย์ ตั้งโต๊ะแถลงที่พรรคเพื่อไทย เมื่อวันที่ 23 ส.ค. 2563 ที่ผ่านมา ปูดเอกสารลับ(?)ที่อ้างว่าพบความไม่โปร่งใส เป็นการลงนามจัดซื้อไม่ใช่รัฐต่อรัฐ หรือ จีทูจี แต่เป็นการลงนามกับเอกชน ซึ่งอาจทำให้สัญญานี้ส่อจะเป็นโมฆะ ถ้ายังดึงดันต่อไปก็เชื่อว่าการซื้อเรือดำน้ำครั้งนี้จะเป็นจุดจบของรัฐบาล ซึ่งในที่ 26 ส.ค.นี้ คณะกรรมาธิการงบประมาณฯ ชุดใหญ่ จะให้อนุกรรมาธิการฯ ชี้แจงเรื่องเรือดำน้ำ ก็จะขอเสนอให้คณะกรรมาธิการชุดใหญ่ทบทวน และเสนอให้ลงมติในคณะกรรมาธิการชุดใหญ่ โดยให้กรรมาธิการลงชื่อเป็นรายบุคคลแบบเปิดเผยชื่อ เพื่อดูว่าใครเห็นความสำคัญของเรือดำน้ำมากกว่าความอดอยากของพี่น้องประชาชน

นายสุพล ฟองงาม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ และประธานคณะอนุกรรมาธิการครุภัณฑ์ ICT รัฐวิสาหกิจ และทุนหมุนเวียน
นายสุพล ฟองงาม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ และประธานคณะอนุกรรมาธิการครุภัณฑ์ ICT รัฐวิสาหกิจ และทุนหมุนเวียน

ประธานอนุ กมธ.ครุภัณฑ์ฯ ยืดอกรับโหวตจริง

ก่อนการแถลงข่าวของกองทัพเรือ นายสุพล ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการธิการครุภัณฑ์ฯ ชี้แจงว่า ลงมติตามข้อบังคับการประชุม เนื่องจากมติออกมาเสมอ เจ้าตัวรับว่าตนเองอยู่สังกัดพรรคพลังประชารัฐ อยู่ฝ่ายรัฐบาล ฟังเหตุผลของกองทัพเรืออธิบายหลายข้อ หลายเหตุผล เห็นว่าฟังขึ้น ก็เป็นสิทธิ์ที่จะลงมติ และพร้อมจะรับผิดชอบต่อสิ่งที่ตัดสินใจ ไม่ใช่ว่าจะไปปั่นกระแสทุกเรื่องให้เป็นเรื่องการเมืองทั้งหมด ไม่ใช่ว่าตนเองชี้ขาดแล้วจะไปจัดซื้อเรือดำน้ำได้ทันที ยังต้องไปสู่คณะกรรมาธิการชุดใหญ่ เข้าสู่สภาฯ และสำคัญอยู่ที่รัฐบาลด้วย ถ้าเห็นว่าสถานการณ์ไม่เหมาะสมอาจจะถอยก็ได้ เพราะนี่เป็นความเห็นเบื้องต้นเท่านั้น ก่อนจะย้ำทิ้งท้ายว่า ไม่มี “นายพล ป.” มาล็อบบี้การโหวตอย่างแน่นอน

กองทัพเรือ ตั้งโต๊ะแถลงชี้แจงข้อเท็จจริงการจัดซื้อเรือดำน้ำ
กองทัพเรือ ตั้งโต๊ะแถลงชี้แจงข้อเท็จจริงการจัดซื้อเรือดำน้ำ
พล.ร.ท.ธีรกุล กาญจนะ ปลัดบัญชีทหารเรือ
พล.ร.ท.ธีรกุล กาญจนะ ปลัดบัญชีทหารเรือ

กองทัพเรือ ตั้งโต๊ะเรียงหน้าแถลงข่าวเพื่อแจงข้อเท็จจริง

เมื่อโดนพาดพิงกล่าวหา กองทัพเรือ ไม่อยู่เฉย ตั้งโต๊ะแถลงข่าวในวันรุ่งขึ้น (24 ส.ค. 2563) นายทหารนั่งเรียงกันเป็นสิบ ขณะที่สื่อมวลชนและประชาชนต่างจับตาและรอฟังการชี้แจงว่าความจำเป็นคืออะไร ทำไมต้องซื้อเรือดำน้ำตอนนี้กัน กองทัพเรือ ชี้แจงว่า นี่ไม่ใช่การของบโครงการใหม่อะไร แต่เป็นโครงการต่อเนื่องที่จะต้องจัดซื้อเรือดำน้ำให้ครบ 3 ลำ ซึ่งลำแรกลงนามซื้อไปแล้วเมื่อปี 2560 ชำระตามงวดงาน 7 ปี จนครบ 13,500 ล้านบาท กว่าจะได้มาประจำการก็ปี 2566 ส่วนอีก 2 ลำที่กำลังจะจัดซื้อมูลค่า 22,500 ล้านบาทนี้ ก็เป็นเรือดำน้ำหยวน คลาส เอส 26 ที (Yuan Class S26T) เช่นเดียวกับลำแรก จ่ายเป็นงวดงานแบบเหมือนกัน เรียกว่าลงนามวันนี้ รับเรืออีกทีปี 2570 ไม่ใช่ว่าจ่ายก้อนเดียวเสียเมื่อไหร่ แถมตกลงเจรจาจนได้ของแถมมูลค่า 2,100 ล้านบาท อาทิ แผ่นยางลดเสียงสะท้อน ระบบสื่อสารดาวเทียม ข้อมูลทางยุทธวิธี รวมถึงจรวดนำวิถี ทุ่นระเบิด และตอร์ปิโด ไม่เพียงแค่นั้นจากประกันแค่ปีเดียว ยังได้เพิ่มเป็น 2 ปีด้วย กองทัพเรือยืนยันหนักแน่นว่าการจัดซื้อเป็นไปตามขั้นตอนและวัตถุประสงค์อย่างชัดเจน ใช้งบประมาณตามกรอบ ไม่ได้ของบใหม่เพิ่มแม้แต่น้อย เช่นเดียวกับทุกกระทรวงที่จะต้องทำตามหน้าที่ล้วนมีภาระหน้าที่และงบประมาณที่จะต้องทำภารกิจของชาติให้สำเร็จ

พล.ร.อ.สิทธิพร มาศเกษม เสนาธิการทหารเรือ
พล.ร.อ.สิทธิพร มาศเกษม เสนาธิการทหารเรือ
พล.ร.ต.อรรถพล เพชรฉาย ผู้อำนวยการสำนักงานจัดหายุทโธปกรณ์ทหารเรือ
พล.ร.ต.อรรถพล เพชรฉาย ผู้อำนวยการสำนักงานจัดหายุทโธปกรณ์ทหารเรือ

แจงยิบเหตุผล เพื่อนบ้านมีหมด ไทยไร้เรือดำน้ำ 69 ปีแล้ว

ในขณะที่ 5 ประเทศเพื่อนบ้านมีเรือดำน้ำกันรวมแล้ว 18 ลำในปัจจุบัน แต่ประเทศไทยไม่มีเรือดำน้ำมานานถึง 69 ปีแล้ว อาณาบริเวณรอบบ้านเรายังมีพื้นที่พิพาทอยู่ หากมีการล่วงล้ำอธิปไตย หากเกิดการปะทะ แล้วเราไม่มีกำลังเข้มแข็งเพียงพอ ผลประโยชน์ชาติทางทะเลจะถูกกระทบแน่นอน เราตระหนักดีถึงความจำเป็นด้านอื่นของชาติ และงบประมาณที่จะใช้ซื้อเรือดำน้ำของปี 2563 ก็ได้คืนให้กับรัฐบาลเพื่อไปช่วยแก้ปัญหาสถานการณ์โควิด-19 นอกจากนี้ เรือดำน้ำ ยังมีไว้เพื่อกำลังทางเรือที่สมบูรณ์และสมดุล ซึ่งความเสียหายต่อชาติที่อาจเกิดขึ้นนั้นรอไม่ได้ จึงจำเป็นต้องเตรียมการ แล้วเราก็ขอเลื่อนจีนมาแล้วครั้งหนึ่ง ถ้าจะเลื่อนอีกจากที่เคยตกลงกันไว้ก็อาจจะส่งผลต่อความน่าเชื่อถือของไทยในด้านอื่นๆ ตามมาด้วย เพราะก่อนหน้านี้เราเจรจาต่อเนื่องบนพื้นฐานการจัดหาเรือดำน้ำ 3 ลำมาโดยตลอด แม้จะไม่มีการปรับหากขอเลื่อนอีก ก็ต้องเริ่มเจรจากันใหม่ และอาจไม่ได้ราคานี้แล้ว แต่นั่นไม่สำคัญเท่ากับปัญหาที่จะเกิดกับผลประโยชน์ทางทะเลของชาติ ย้ำว่ากองทัพเรือใช้งบประมาณอย่างคุ้มค่าทุกบาททุกสตางค์ และขณะนี้เรามีความพร้อมในการลงนามสัญญา โดยร่างข้อตกลงนี้ได้ผ่านการตรวจสอบจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเรียบร้อยแล้ว ปัจจุบันเรื่องอยู่ที่กระทรวงกลาโหม เตรียมรอเข้า ครม.ต่อไป

พล.ร.ท.ประชาชาติ ศิริสวัสดิ์ รองเสนาธิการทหารเรือ ในฐานะโฆษกกองทัพเรือ
พล.ร.ท.ประชาชาติ ศิริสวัสดิ์ รองเสนาธิการทหารเรือ ในฐานะโฆษกกองทัพเรือ

ซัดบิดเบือน โยงการเมือง สร้างเกลียดชัง เรียกคืนเชื่อมั่น

ส่วนประเด็นที่ นายยุทธพงศ์ นำออกมาพูดนั้นบิดเบือน สร้างความเสียหาย สร้างความเกลียดชังแก่กองทัพเรือ ซึ่งทางกองทัพมีการลงนามข้อตกลงแบบจีทูจีอย่างถูกต้องโปร่งใส เป็นการลงนามโดยผู้แทนที่ได้รับมอบอำนาจจากรัฐบาลไทยและรัฐบาลจีน ไม่ได้เป็นสัญญาเก๊อย่างที่กล่าวอ้างสักนิด ไม่อยากให้สังคมตกเป็นเหยื่อ การนำเนื้อหาการจัดหายุทโธปกรณ์มาโจมตี เป็นการให้ข่าวที่เห็นแก่เรื่องทางการเมืองเป็นหลัก นำไปเป็นประโยชน์ทางการเมืองอย่างเห็นแก่ตัวที่สุด ขอให้ทำการเมืองอย่างสร้างสรรค์ เห็นแก่ความสุขสงบของประเทศชาติเป็นหลัก และคนที่พูดผิดต้องรับผิดชอบ รวมถึงขอให้ประชาชนเชื่อมั่นในกองทัพเรือ และเรือดำน้ำนั้นใช้งบจำนวนมากแล้วใช้เวลาในการสร้างหลายปี ทางกองทัพเรือเองก็มีการพิจารณาชะลอการเสริมสร้างกำลังรบในส่วนอื่นๆ ก่อน ซึ่งการมีเรือดำน้ำจะช่วยให้ไทยมีอำนาจในการต่อรองด้านความมั่นคงทางทะเลของชาติในอนาคต เพราะเป็นเรื่องสำคัญและคุ้มค่าที่จะต้องลงทุน

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม

“บิ๊กตู่” โยน เป็นเรื่องของ กมธ.วิสามัญงบฯ

ทางด้าน บิ๊กตู่-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ก็แถลงหลังประชุม ครม.สัญจร ที่ จ.ระยอง เมื่อวานนี้ว่า “การจัดซื้อเรือดำน้ำ เป็นเรื่องของคณะกรรมาธิการวิสามัญจะพิจารณางบในสภาฯ จะได้ข้อสรุปมาเป็นอย่างไรก็ต้องรอฟัง ผมไม่จำเป็นต้องไปสั่งการอะไรเพิ่มเติม ฟังคำชี้แจงของกองทัพเรือก็มีเหตุผลและความจำเป็น ในส่วนของกรรมาธิการก็ขอให้ความเป็นธรรมด้วย หลายกระทรวงก็ถูกตัดงบไปหลายกิจกรรม ทั้งเรื่องการศึกษา เศรษฐกิจ ก็ถูกตัดออกไป ซึ่งส่วนใหญ่เป็นงบของประชาชน ในงบฝ่ายความมั่นคงก็ถูกตัด เพราะฉะนั้นต้องหาพิจารณาดูว่าจะเดินหน้าอย่างไร ต้องหาวิธีการแก้ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นด้วย”

งวดงานที่กองทัพเรือต้องจ่ายค่าเรือดำน้ำ
งวดงานที่กองทัพเรือต้องจ่ายค่าเรือดำน้ำ

ยกงบ 22,500 ล้าน เทียบเยียวยาประชาชน

งบประมาณการจัดซื้อเรือดำน้ำ 2 ลำ มูลค่า 22,500 ล้านบาท ถูกนักการเมืองหลายคนนำมาเทียบเคียงว่า หากนำเงินก้อนนี้ไปช่วยเหลือเยียวยาประชาชน หรือเกษตรกร เดือนละ 5,000 บาท 3 เดือน จะช่วยได้มากถึง 1.5 ล้านคน หรือหากเฉลี่ยลงมาอีก จ่าย 5,000 บาทต่อคน แค่คนละ 1 เดือน จะกระจายได้มากถึง 4.5 ล้านคน หากเป็นกลุ่มเปราะบาง อย่างเด็ก ผู้สูงอายุ ผู้พิการ ที่ได้รับเงินเยียวยา 3,000 บาท 3 เดือน จะช่วยได้ 2.5 ล้านคน ส่วนถ้าจ่ายเดือนเดียวจะกระจายไปได้ถึง 7.5 ล้านคน

ท้ายที่สุดแล้ว งบประมาณนั้นก็เป็นในส่วนของกองทัพเรือ มีสิทธิ์ที่จะใช้ดำเนินการตามกรอบ เหมือนกับที่กระทรวงอื่นๆ ได้รับการจัดสรร และแม้สังคมจะยังคงตั้งคำถามถึงความคุ้มค่า เหมาะสมหรือไม่ในสถานการณ์ประเทศเช่นนี้ แต่ไม่ต้องลุ้นกันนาน เพราะวันนี้ (26 ส.ค.) คณะอนุกรรมาธิการครุภัณฑ์ฯ ก็จะนำมติรวมถึงข้อสรุปจากที่ประชุมเข้าสู่คณะกรรมาธิการงบประมาณฯ ชุดใหญ่เพื่อพิจารณากันอีกครั้ง ก่อนจะเข้าสู่สภาฯ เพื่อพิจารณาในวาระที่ 2 และ 3 ต่อไป ส่วนพวกเราประชาชนก็คอยติดตามจับตาการทำหน้าที่ของผู้แทนราษฎรกันดีกว่า ผลลัพธ์จะออกมาทางไหน ไม่นานคงได้รู้...


ผู้เขียน : กิณรีสีอังกาบ

กราฟิก : Jutaphun Sooksamphun

ภาพ : Chutimon Muengsuwan, พรรคเพื่อไทย, thaigov.go.th




August 26, 2020 at 07:00AM
https://ift.tt/3jbMk1Z

วิกฤติเศรษฐกิจ ความมั่นคงทางทะเล “เรือดำน้ำ” สำคัญไฉน ประเทศไทยไม่มีมา 69 ปี - ไทยรัฐ

https://ift.tt/39v22A5


Bagikan Berita Ini

0 Response to "วิกฤติเศรษฐกิจ ความมั่นคงทางทะเล “เรือดำน้ำ” สำคัญไฉน ประเทศไทยไม่มีมา 69 ปี - ไทยรัฐ"

Post a Comment

Powered by Blogger.