Search

ศาลห่วงบ้านเมืองยุ่งอยู่แล้ว เตือนม็อบปลดแอก ถ้าฝ่าฝืนกฎหมายมีความผิด - หนังสือพิมพ์แนวหน้า

crime-cimne.blogspot.com

วันอาทิตย์ ที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2563, 06.00 น.

ศาลห่วงบ้านเมืองยุ่งอยู่แล้ว

เตือนม็อบปลดแอก

ถ้าฝ่าฝืนกฎหมายมีความผิด

‘อานนท์-ไมค์ ระยอง’รอดคุก

สส.ก้าวไกลเข้ายื่นประกันตัว

เงื่อนไขห้ามทำป่วนตามข้อหา

กองเชียร์ยังเหิมยันจัดชุมนุมอีก

อธิบดีศาลอาญา เป็นห่วงบ้านเมืองยุ่งอยู่แล้ว สะกิดม็อบปลดแอก ถ้าละเมิดกฎหมายมีความผิด พร้อมให้ประกันตัว “อานนท์-ไมค์ ระยอง”2 แกนนำ หลังโดนตำรวจดำเนินคดีหลายข้อหา ในขณะที่รองโฆษกรัฐบาลเหน็บคนหนีคดีไม่คิดกลับไทยอย่าไปบิดเบือนคำพูดนายกฯ ยืนยันประเทศไทยน่าอยู่

เมื่อช่วงเช้าวันที่ 8 สิงหาคม ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศว่า ภายหลังจากที่พนักงานสอบสวนได้ควบคุมตัวนายอานนท์ นำภา และนายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือ ไมค์ ระยอง ผู้ต้องหาคดียุยงปลุกปั่นมาถึงศาลอาญาเพื่อขออำนาจศาลฝากขัง ในคดียุยงปลุกปั่น ตามมาตรา 116 และข้อหาอื่นๆ รวม 7 ข้อหา จากการร่วมชุมนุมกับเยาวชนปลดแอก เมื่อวันที่ 18 ก.ค. 2563

โดยมีกลุ่มมวลเดินทางตามมาให้กำลังใจทั้ง 2 คนซึ่งได้รวมตัวกันอยู่บริเวณด้านหน้าทางเข้าประตู 8 โดยมีนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน และน.ส.จุฑาทิพย์ ศิริขันธ์ แกนนำกลุ่มเยาวชนปลดแอก มาคอยให้กำลังใจ และติดตามความคืบหน้าอย่างใกล้ชิด รวมทั้ง นายคารม พลพรกลาง ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล เดินทางเข้ามาที่ศาลพร้อมระบุว่าตนได้นำหลักทรัพย์จำนวนหนึ่ง เพื่อประกันตัว2ผู้ต้องหาด้วยซึ่งต้องรอดูสถานการณ์ต่อไป เนื่องจากตอนนี้ยังคงอยู่ระหว่างการไต่สวน

ตรึงกำลังตร.ดูแลเข้มในศาล

ขณะที่ศาลอาญาได้วางมาตรการรักษาความปลอดภัยบริเวณพื้นที่ โดยจัดกำลังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยศาล เจ้าพนักงานตำรวจศาล เเละเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สน.ในพื้นที่รอบศาลอาญา ประมาณ50นายเข้ารักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด โดยได้นำแผงเหล็กกั้นมาตั้งเป็นแนวหน้าทางเข้าอาคาร และไม่อนุญาตให้ผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าไปข้างใน ยกเว้นเจ้าหน้าที่ศาลและประชาชนที่มาติดต่องานศาลสามารถเข้าไปภายในอาคารเท่านั้น

เพนกวินปลุกนัดชุมนุมสกายวอร์ค

นายพริษฐ์ หรือ เพนกวิน หนึ่งในแกนนำปลดแอก เผยว่าเราจะมุ่งมั่นเคลื่อนไหวต่อไป จะทำอะไรเพื่อประชาธิปไตย เพื่อประชาชนอีกหลายอย่าง วันนี้ต้องรอดูสถานการณ์อีกครั้งหนึ่ง เพราะว่าเราก็ยังไม่รู้ว่ากระบวนการทางกฎหมายที่พี่อานนท์และไมค์ต้องต่อสู้จะมีอะไรบ้าง ตนตนและเพื่อนก็มาให้กำลังใจ ขอเชิญชวนเย็นนี้ จะมีการชุมนุมที่สกายวอล์ค ได้เคยคุยกับ ทนายอานนท์ และไมค์ว่ายอมโดนจับ ไม่ยอมรับกระบวนการ และหากโดนจับต้องสู้ต่อ ตนโชคดี ยังไม่โดน เราก็ต้องสู้ต่อ ตอนนี้ไม่ใช้การสู้เพื่อเซฟใครคนใดคนหนึ่ง ไม่ใช่การสู้เพื่อเอาพี่อานนท์และพี่ไมค์ออกมา แต่มันคือการสู้เพื่อประชาธิปไตย การสู้เพื่อหลักการสิทธิ และเสรีภาพ พี่อานนท์ ต้องการให้สู้ต่อไป เราก็จะสู้ต่อไป ไม่ใช่ที่นี่ ที่โรงพักหรือที่ไหน เราจะไปสู้ ที่สกายวอล์ค ถือเป็นจุดเริ่มต้นก่อน ต่อจาก บางเขน ห้วยขวางและศาลอาญารัชดา

ศาลนำป้าย 2 ข้อกำหมดมาติดไว้

ช่วงสาย ทางศาลอาญาได้นำป้ายข้อความ เกี่ยวกับข้อกำหนดของศาลอาญา หลังจากมีการชุมนุมบริเวณทางขึ้นศาลอาญา โดยมีข้อกำหนด 2 ข้อ คือ1. ห้ามมิให้ผู้ใดประพฤติตนในทางที่ก่อให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อย หรือก่อความรำคาญ หรือกระทำการในลักษณะส่วเสริม ยั่วยุ สนับสนุนใดๆในการกระทำดังกล่าวบริเวณศาล 2. ห้ามมิให้ผู้ใด ใช้เครื่องขยายเสียง ส่งเสียงดัง อันเป็นการรบกวนการดำเนินกระบวนการพิจารณาคดีในศาล ถ้าผู้ใดฝ่าฝืน ถือว่ากระทำผิด ฐานละเมิดอำนาจศาล มาติดไว้เพื่อให้ผู้ชุมนุมภายในรั้วบริเวณศาลได้ทราบ

กองเชียร์ยื้อยุดฝ่าแผงกั้นตร.

เวลา10.30น.นายพริษฐ์หรือเพนกวินได้พูดให้กลุ่มมวลชนที่มาติดตามให้กำลังใจทั้ง2 ผู้ต้องหาโดยมายืนอออยู่ที่ริมรั้วหน้าบันใดศาลที่เจ้าหน้าที่ตำรวจศาล ตั้งแผงเหล็กกั้นไว้ ก่อนพยายามให้ทุกคนพยายามฝ่าแนวรั้วของเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อจะเข้าไปในอาคารศาลอาญา หลังมีการปล่อยกระแสข่าวว่าอาจจะมีการควบคุมตัวทั้งสองคนไปฝากขังที่ศาลนครชัยศรี เขตทุ่งสองห้อง เพราะกังวลเรื่องความปลอดภัย โดยกลุ่มผู้ชุมนุม ต้องการคำตอบแต่เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถให้คำตอบได้ โดยเกิดการยื้อยุดฉุดกระชากแผงเหล็ก แต่ไม่มีความรุนแรงแต่อย่างใด จากนั้นกลุ่มมวลชนยังคงปักหลักรออยู่หน้าบันไดศาลอาญา

อธิบดีผู้พิพากษาฯแถลงชี้แจง

ต่อมาเวลา13.30น.ที่ห้องประชุมชั้น 10 อาคารศาลอาญา นายชูชัย วิริยะสุนทรวงศ์ อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา พร้อมด้วย นายสุรจิตร เปลี่ยนขำ รองอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาร่วมกันแถลงข้อเท็จจริงว่าตามที่พนักงานสอบสวน ได้ยื่นคำร้องขอฝากขังนายอานนท์ นำภา และนายภานุพงศ์ จาดนอก ผู้ต้องหา ระหว่างสอบสวน เพื่อทำการรวบรวมพยานหลักฐานในคดีดังกล่าวนั้น ต่อมาได้มีการลงและแชร์ข่าวว่า หากศาลอนุญาตให้ฝากขังและออกหมายขังจะนำผู้ต้องหาทั้งสองไปควบคุมตัว ที่เรือนจำนครไชยศรี เขตทุ่งสองห้องนั้น เป็นข่าวลือที่ไม่เป็นความจริง

ย้ำถ้าไม่ยื่นประกันก็ส่งเข้าเรือนจำ

“เพราะกรณีที่ศาลอนุญาตให้ฝากขัง ผู้ต้องหาทั้งสอง ก็มีสิทธิยื่นขอประกันตัวต่อศาลได้ทุกวัน ไม่เว้นวันหยุดราชการและหากในวันนี้ผู้ต้องหาทั้งสอง ไม่ยื่นคำร้องขอประกันตัว หรือขอปล่อยตัวชั่วคราว จะถูกนำตัวไปคุมขัง ที่ เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯต่อไป ขณะแถลงข่าวในเวลานี้ ได้ทำการไต่สวนผู้ต้องหาทั้งสองเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้วเหลือแต่เพียงรอฟังคำสั่ง ถ้าวันนี้ศาลอนุญาตให้ฝากขังผู้ต้องหาทั้งสองสามารถยื่นประกันตัวต่อศาลได้เลย แต่หากผู้ต้องหาทั้งสองไม่ยอมยื่นประกันตัวก็จำเป็นที่จะต้องนำไปควบคุมตัวที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพเหมือนคดีอาญาทั่วไปจึงขอความกรุณาสื่อมวลชนช่วยเผยเเพร่ว่าข้อมูลดังกล่าวไม่เป็นความจริง“นายชูชัย ย้ำ

ชี้ไม่อยากให้บ้านเมืองวุ่นวายกว่านี้

เมื่อถามว่าจะมีการดำเนินคดีกับผู้ที่ปล่อยเฟคนิวส์ กับความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลต่อผู้ชุมนุมหรือไม่ นายชูชัย กล่าวว่า ส่วนตัวมองว่าบ้านเมืองขณะนี้ยุ่งกันอยู่แล้ว บางเรื่องเราต้องใช้หลักรัฐศาสตร์ ไม่อยากไปพูดว่าคนไหนจะต้องผิด เราต้องทำอย่างไรให้อยู่กันได้ ตนไม่อยากตอบว่าผิดหรือไม่ บางเรื่องเราจึงไม่ควรพูดเรื่องผิดถูก แต่ใช้หลักรัฐศาสตร์บางทีก็ดีกว่าหลักนิติศาสตร์

“อย่างนี้เรื่องผู้ชุมนุมวันนี้ผมก็ยืนยันว่าเค้าจะมองแบบหลักรัฐศาสตร์ จะดำเนินคดีหรือไม่ ยังตอบไม่ได้ แต่ขอความร่วมมือทุกฝ่าย เพราะผู้ที่มาศาลก็จะต้องมีข้อกำหนด ถ้าไปฝ่าฝืน ก็มีความผิด ไม่อยากให้ทำผมก็ให้อิสระโซนข้างล่างพอสมควร จะได้ปลดปล่อยกันบ้าง แต่พยายามอย่ามาถาม ผมว่าอันนี้ผิดหรือถูก”อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาระบุ

ศาลอนุญาตฝากขัง’อานนท์-ไมค์’

ต่อมาเวลา 15.20น.ศาลได้อ่านคำสั่งของผู้ต้องหากรณียื่นคำร้องคัดค้านการฝากขังของพนักงานสอบสวนสน.สำราญราษฎร์โดยศาลพิเคราะห์ พยานหลักฐานในชั้นไต่สวนคำร้อง และข้อคัดค้านแล้ว

โดยที่พนักงานสอบสวนอ้างเหตุขออนุญาตฝากขังว่าการสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้นต้องสอบสวนพยานเพิ่มเติมอีกจำนวน 6 ปาก และรอผลการตรวจพิสูจน์ลายพิมพ์นิ้วมือและผลการตรวจประวัติการต้องโทษ ดังนั้น พนักงานสอบสวน จึงมีอำนาจขอสอบสวนพยานดังกล่าวได้ เมื่อเป็นการร้องฝากขังครั้งที่ 1ซึ่งพนักงานสอบสวนมีเวลาสอบสวนเพียง 48 ชั่วโมง กรณีจึงมีเหตุจำเป็นเพื่อทำการสอบสวนต่อไป ส่วนข้อคัดค้านอื่นไม่มีน้ำหนักให้รับฟัง ศาลจึงอนุญาตให้ฝากขังผู้ต้องหาตามคำร้องได้

ศาลอนุญาตประกันคนละแสน

ภายหลัง นายคารม พลพรกลาง และนายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล 2 ส.ส.พรรคก้าวไกล ได้ใช้ตำแหน่ง ส.ส.ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว นายอานนท์ และนายภาณุพงศ์ ผู้ต้องหา ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล

จากนั้นเวลา 16.45 น.ศาลพิเคราะห์แล้ว มีคำสั่งอนุญาตให้ผู้ต้องหาทั้งสองมีประกันตัวไปโดยตีราคาประกันคนละ 1 แสนบาท พร้อมกำหนดเงื่อนไข ห้ามผู้ต้องหา กระทำการใดๆในลักษณะเดียวกันกับที่ถูกกล่าวหาในคดีนี้.

รองโฆษกเหน็บคนแดนไกล

วันเดียวกัน น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าจากการที่มีการตั้งคำถามเชิงชี้นำจากคนบางกลุ่มในโลกออนไลน์เพื่อบิดเบือนคำพูดนายกรัฐมนตรีที่ได้กล่าวในงานBangkok Post Forum 2020:“พลิกฟื้นประเทศไทย: ก้าวต่อไปอย่างมั่นคง”เมื่อวันที่ 6 ส.ค.ที่ผ่านมานั้นต้องขอชี้แจงว่า ในภาพรวม นายกรัฐมนตรี ได้พูดถึงแนวทางในการขับเคลื่อนประเทศเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม มีมาตรการทั้งระยะสั้นและยาวหลังโควิด-19 ทั้งนี้หัวใจสำคัญของความสำเร็จ ต้องมาจากความร่วมมือร่วมมือใจของคนในชาติ ดังคำกล่าว“รวมไทยสร้างชาติ” ความเห็นต่างในประเด็นต่างๆเป็นเรื่องธรรมดา ขอให้อยู่ในกรอบกฎหมาย วันนี้ ประเทศต้องการพลังจากคนทุกกลุ่ม ในคำกล่าว มีถ้อยความส่วนหนึ่งถูกนำไปตีความเกินจริงอย่างมาก ทำนองนายกรัฐมนตรีไปพาดพิงถึงผู้ใดนั้นไม่เป็นจริงเลย เป็นเพียงการพูด เพื่อให้ผู้ฟัง เห็นภาพถึงความน่าอยู่ของประเทศไทย แต่หากจะมีคนไม่ได้อยู่ก็เพราะไปทำความผิด จึงต้องหลบหนีไปอยู่ต่างประเทศ

นายกฯ ขออย่าบิดเบือนคำพูด

“นายกรัฐมนตรีพร้อมที่จะรับฟังทุกเสียงของประชาชน ซึ่งทุกวันนี้ก็รับฟังจากทุกช่องทาง แต่ขอประชาชนให้รับฟังคำอธิบายจากรัฐบาลด้วย หากเรื่องใดทำแล้วเป็นประโยชน์ต่อประเทศก็ยินดีแต่การบิดเบือนความจงรักภักดีของนายกฯต่อสถาบันรวมถึงบิดเบือนเพื่อสร้างความเกลียดชังในช่วงเวลาที่ประเทศต้องมองไปข้างหน้าร่วมกันก็อยากขอว่าอย่าทำเลยเพราะไม่เป็นประโยชน์ต่อบ้านเมืองแต่อย่างใด” น.ส.รัชดา กล่าว

นายกฯชื่นชมสื่อสร้างเชื่อมั่น

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ชื่นชมบทบาทของสื่อมวลชน โดยจากการเดินสายพบปะ รับฟังความคิดเห็นของสื่อมวลชน ทั้งสื่อหนังสือพิมพ์และสื่อออนไลน์ พบว่าหลายข้อเสนอแนะเป็นประโยชน์ต่อการบริหารราชการแผ่นดิน ซึ่งนายกรัฐมนตรี จะนำความเห็นและข้อเสนอแนะต่างๆมาปรับใช้เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติโดยรวม หลายความเห็นยังสอดคล้องกับสิ่งที่รัฐบาลกำลังดำเนินการอยู่ โดยเฉพาะการบริหารสถานการณ์โควิด-19ควบคู่กับการดูแลงานด้านเศรษฐกิจซึ่งต้องทำควบคู่กันให้เกิดความสมดุลมากที่สุด

“การพบปะสื่อมวลชนยังเป็นโอกาสอันดีที่นายกรัฐมนตรี ได้ชี้แจงการดำเนินงานของรัฐบาล พร้อมสร้างความเข้าใจในสิ่งที่กำลังจะขับเคลื่อนในอนาคตซึ่งนายกฯเชื่อว่าสื่อมวลชนมีบทบาทสำคัญในการสร้างความรับรู้ต่อประชาชน จึงหวังให้ได้มีการนำเสนอประเด็นต่างๆต่อสังคมอย่างครอบคลุมรอบด้าน เพื่อที่ประชาชนจะได้รับรู้ข่าวสารในหลายแง่มุม อันจะมีผลประกอบการตัดสินใจได้อย่างรอบคอบ และนายกฯยังหวังให้สื่อมวลชนได้เป็นส่วนสำคัญในการสร้างความเชื่อมั่นจากประชาชนและชาวต่างชาติต่อประเทศไทย รัฐบาลพร้อมดำเนินการทุกด้าน เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ แก้ไขปัญหาปากท้องของประชาชน”น.ส.ไตรศุลี กล่าว

4จว.ใต้คืนป้ายหมู่บ้านเสื้อแดง

บ่ายวันเดียวกัน ที่หอประชุมเทศบาลนคร นครศรีธรรมราช นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรี ประจำนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางมา เป็นประธาน รับคืนป้ายหมู่บ้านเสื้อแดง 14 จังหวัดภาคใต้ พร้อม มอบป้ายหมู่บ้านวิสาหกิจชุมชนคนท้องถิ่น เรารักประเทศไทย ตามคำเชิญของ นายอานนท์ แสนน่าน อดีตประธานหมู่บ้านเสื้อแดงแห่งประเทศไทยซึ่งปัจจุบันต้องการสลายสีเสื้อและหันมาร่วมงานกับรัฐบาลในการสนับสนุนกลุ่มวิสาหกิจชุมชนฯตามแนวหลักเศรษฐกิจพอเพียงและทฤษฎีใหม่ ช่วยเหลือเกษตรกรที่เป็นสมาชิกกลุ่มทั้ง 4 ภาคของประเทศไทย

โดยนายสุภรณ์ได้ให้นโยบายแนวทางของนายกรัฐมนตรีและรัฐบาล โดยนำสมาชิกผู้ร่วมงานประมาณ1,000 คน กล่าวปฎิญาณตนในการที่จะ รวมพลังเป็นหนึ่งเดียวกันร่วมมือกันปกป้องชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และเดินตามแนวทาง”รวมไทย สร้างชาติ” ของนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

ไพบูลย์ชี้เปิดสภาสมัยหน้าเหมาะแก้รธน.

นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐกล่าวถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่าขณะนี้รอให้คณะกรรมาธิการพิจารณาศึกษาปัญหา หลักเกณฑ์แนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 สภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี และประธานนำร่างเข้าสู่สภา และ ส.ส.ทุกพรรคจะได้อภิปรายก่อน ซึ่งจะมีประเด็นมากมาย ทางพรรคพลังประชารัฐ จะจัดตั้งคณะทำงานขึ้นมาหลังจากนั้นทันที ในส่วน กมธ.เมื่อ ส.ส.อภิปรายกันครบถ้วน จะรวบรวมส่งรายงานให้รัฐบาล จากนั้นรัฐบาลจะนำไปศึกษา ในระหว่างนี้พรรคร่วมรัฐบาล จะมาคุยกันว่าจุดยืนจะเป็นอย่างไร

“ผมเชื่อว่าสมัยประชุมนี้ซึ่งปิดสมัยประชุมวันที่ 18 กันยายน และจะเปิดใหม่วันที่ 1 พ.ย.ซึ่งอีกแค่ 40 วัน โดยผมเห็นว่าในวันที่ 1 พ.ย.ก็น่าจะเป็นเวลาที่เหมาะสมของรัฐสภาที่จะมีการยกเรื่องของญัตติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับใดฉบับหนึ่งหรือหลายฉบับขึ้นมาพิจารณาซึ่งผมเชื่อว่าต้นเดือนพฤศจิกายน น่าจะได้เห็นการพิจารณาแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญ




August 09, 2020 at 06:00AM
https://ift.tt/3aa04XR

ศาลห่วงบ้านเมืองยุ่งอยู่แล้ว เตือนม็อบปลดแอก ถ้าฝ่าฝืนกฎหมายมีความผิด - หนังสือพิมพ์แนวหน้า

https://ift.tt/39v22A5


Bagikan Berita Ini

0 Response to "ศาลห่วงบ้านเมืองยุ่งอยู่แล้ว เตือนม็อบปลดแอก ถ้าฝ่าฝืนกฎหมายมีความผิด - หนังสือพิมพ์แนวหน้า"

Post a Comment

Powered by Blogger.