Search

ส.ว.ไม่ขอโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีอีก สัญญาณชัดแก้รัฐธรรมนูญ - ไทยรัฐ

crime-cimne.blogspot.com

ให้หยุดกดดัน “บิ๊กตู่” เลือกขุนคลัง

นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงการปรับ ครม.หลังนายปรีดี ดาวฉาย ลาออกจาก รมว.คลังว่า เป็นอำนาจการตัดสินใจของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม จะสรรหาบุคคลมีความรู้ ความสามารถมาทำหน้าที่แทนนายปรีดี เนื่องจาก พล.อ.ประยุทธ์เป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ตำแหน่งดังกล่าวจึงไม่ใช่โควตาของพรรคใด ประชาชนเลือก พล.อ.ประยุทธ์มาบริหารประเทศในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ดังนั้นการตัดสินใจเลือกทีมงานมาบริหารประเทศ ถือเป็นสิทธิ์ขาด ทุกคนไว้วางใจและเคารพการตัดสินใจของ พล.อ.ประยุทธ์ พรรคการเมืองใดต้องการได้ตำแหน่งนี้ ควรหยุดกดดัน พล.อ.ประยุทธ์ได้แล้ว ให้ พล.อ.ประยุทธ์ตัดสินใจด้วยตัวเอง หากใครมีความสามารถจริง พล.อ.ประยุทธ์คงเลือกมาทำหน้าที่เอง โดยไม่ต้องร้องขอ

“ธนกร” วอนถอยคนละก้าวหย่าศึก

นายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้ประเทศกำลังประสบปัญหามากมาย โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ ปัญหาปากท้องประชาชน อยากวิงวอนทุกฝ่ายทั้ง พรรคการเมือง กลุ่มการเมือง กลุ่มนักศึกษาเห็นแก่ประเทศและประชาชน ขอให้ทำความเข้าใจกัน เชื่อว่าทุกฝ่ายรักประเทศ เพราะฉะนั้นน่าจะหาทางออกร่วมกันเพื่อประเทศได้ จากที่ตนไปท่องเที่ยวต่างจังหวัด บรรยากาศคึกคักมาก พ่อค้าแม่ค้าส่วนใหญ่เห็นด้วยที่รัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยว และประกาศวันหยุดชดเชย ทำให้มีนักท่องเที่ยวชาวไทยออกมาจับจ่ายใช้สอยจำนวนมาก ดังนั้นประชาชนส่วนใหญ่ไม่อยากให้ประเทศขัดแย้งอีก เพราะจะซ้ำเติมประเทศ อยากให้ทุกฝ่ายเจรจา ถอยกันคนละก้าวเพื่อให้ประเทศเดินหน้าไปได้

60 ส.ว.อิสระตั้งกลุ่มหารือแก้ รธน.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ส่วนความเคลื่อนไหวของสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ต่อการแก้รัฐธรรมนูญปี 2560 ที่ ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านยื่นญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2560 มาตรา 256 ให้ตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) มายกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับนั้น ปรากฏว่าขณะนี้ ส.ว.ยังเสียงแตกทางความคิดเห็น มีทั้งฝ่ายที่สนับสนุนให้ตั้งและไม่ให้ตั้ง ส.ส.ร.มายกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ล่าสุดเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ส.ว.มีการตั้งกลุ่ม ส.ว. 60 กว่าคน ใช้ชื่อว่า กลุ่ม ส.ว.อิสระ ส่วนใหญ่เป็นพลเรือน ไม่มีทหาร ตำรวจ มีการตั้งกลุ่มไลน์ขึ้นมาโดยเฉพาะ เพื่อแลก เปลี่ยนความเห็นเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญ แนวทางของกลุ่มเห็นตรงกันว่า สนับสนุนให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่อยากให้มีการแก้ไขเป็นรายมาตรา โดยพร้อมให้แก้ไขมาตรา 272 เรื่องการยกเลิกอำนาจ ส.ว.ในการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี

แสดงจุดยืนโละ ม. 272 เลิกอุ้มนายกฯ

นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ ส.ว. กล่าวว่ายอมรับอยู่ในกลุ่ม ส.ว.อิสระ เป็นกลุ่มที่เพิ่งตั้งขึ้นใหม่ แนวทางของกลุ่มมีความชัดเจนสนับสนุนให้แก้รัฐธรรมนูญ แต่ควรแก้ไขแบบรายมาตราไม่ใช่การตั้ง ส.ส.ร.มายกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ เพราะมองว่า ส.ส.ร.ที่มาจากการเลือกตั้ง ไม่ใช่เป็นตัวแทนประชาชนจริงๆ แต่เป็นเงา ส.ส. ทำให้ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ยังคงมีปัญหาความขัดแย้งไม่จบ และไม่สบายใจว่า ส.ส.ร.จะยกร่างรัฐธรรมนูญเลยเถิดไปขนาดไหน กลุ่ม ส.ว.อิสระพร้อมให้แก้รัฐธรรมนูญ แต่ควรทำเป็นแบบรายมาตรา เพราะจะไม่สร้างความขัดแย้ง และประหยัดงบประมาณ หากจะมีการแก้รัฐธรรมนูญมาตรา 272 ตัดอำนาจ ส.ว.โหวตนายกรัฐมนตรีก็ไม่ขัดข้อง เพราะแต่ละคนเห็นตรงกันว่า หมดความจำเป็นที่จะให้ ส.ว.มาโหวตเลือกนายกฯแล้ว ถ้า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ต้องการจะเป็นนายกรัฐมนตรีต่อ ต้องใช้ความสามารถตัวเองไปหาเสียงสนับสนุนจาก ส.ส.เอง เพื่อพิสูจน์บารมี จะได้มีความสง่างาม ไม่ต้องใช้เสียง ส.ว.มาช่วย จะได้ไม่ถูกมองเรื่องการสืบทอดอำนาจ

ตั้งโต๊ะ 8 ก.ย.หาแนวทางรื้อกติกาใหม่

นายกิตติศักดิ์กล่าวว่า ในวันที่ 8 ก.ย.นี้ เวลา 10.00 น. กลุ่ม ส.ว.อิสระจะประชุมกันที่รัฐสภา เพื่อหารือกันถึงแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ น่าจะมีข้อสรุปที่ชัดเจนออกมาว่า กลุ่มจะสนับสนุนการแก้รัฐธรรมนูญในแนวทางใด ส่วนที่ ส.ว.คนอื่นๆมีความคิดเห็นแตกแยกกันไปหลายทางนั้น ไม่ถือเป็นความแตกแยก แต่ละคนมีความคิดแนวทางของตัวเอง แต่เชื่อว่าสุดท้ายแล้ว ส.ว.ทุกคนจะเห็นไปในแนวทางเดียวกันหมด ส่วนตัวไม่ขัดข้องเลยถ้าจะแก้มาตรา 272 ริบอำนาจ ส.ว.เรื่องการโหวตนายกรัฐมนตรี เพราะมองว่า ไม่มีความจำเป็นแล้ว รวมถึงมาตราอื่นก็พร้อมสนับสนุนให้แก้ไข เช่น การกลับไปใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ การคำนวณระบบ ส.ส.บัญชีรายชื่อใหม่ เพื่อไม่ให้เกิดความสับสน ยกเว้นรัฐธรรมนูญ หมวด 1 และ 2 รวมถึงหมวดที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันทุจริตที่ไม่ควรแตะต้อง

“คำนูณ” เอาด้วยหั่นอำนาจ ส.ว.

นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.กล่าวถึงข้อเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน ให้มีการตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) มายกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ว่า โดยภาพรวมรัฐธรรมนูญปี 2560 ในบทถาวร มีข้อดีพอสมควร แต่เสียงคัดค้านในบทเฉพาะกาลถูกตั้งคำถามหนักประเด็นความชอบธรรมทางการเมือง โดยเฉพาะมาตรา 272 ที่ให้ คสช.เลือก 250 ส.ว.มาเลือกนายกรัฐมนตรี ยอมรับว่าไม่ใช่ระบอบประชาธิปไตยตามปกติ แม้จะอธิบายว่า เป็นระบอบการเมืองเฉพาะกาลช่วงเปลี่ยนผ่านให้บรรลุเป้าหมายเรื่องความสงบสุขในบ้านเมือง และดำเนินการปฏิรูปประเทศตามแผนงานในช่วง 5 ปีแรก แต่ขณะนี้ทั้ง 2 เป้าหมายไม่สามารถบรรลุผลได้ โดยเฉพาะการปฏิรูปประเทศอย่างปฏิรูปตำรวจที่ต้องกล่าวด้วยความเจ็บปวดว่า รัฐบาลชุดนี้สอบไม่ผ่าน ดังนั้นเมื่อชั่งน้ำหนักแล้ว ขอตอบโจทย์โดยไม่ลังเลว่า ขณะนี้ไม่มีความคุ้มค่าจะคงมาตรการพิเศษเฉพาะกาลช่วงเปลี่ยนผ่าน เพื่อการปฏิรูปประเทศอีกต่อไป เรื่องที่ตรงเป้าที่สุดคือ ควรตัดมาตรา 272 เรื่องให้ ส.ว.มีอำนาจร่วมเลือกนายกรัฐมนตรีออกจากรัฐธรรมนูญ ส่วนตัวมองว่า ควรแก้รัฐธรรมนูญรายมาตราเป็นประเด็นๆไปก่อน เอาประเด็นเร่งด่วนที่ถูกมอง ไร้ความชอบธรรมที่สุดคือมาตรา 272 จะเหมาะกว่าการยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับโดย ส.ส.ร.

ลั่นโหวตหนุนร่างแก้ รธน.ฉบับ ส.ส.

นายคำนูณกล่าวว่า มีคำถามเกี่ยวกับประเด็นตั้ง ส.ส.ร. เพราะการเขียนรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับโดย ส.ส.ร. ในลักษณะปราศจากกรอบ นอกจากห้ามแก้ไขหมวด 1 และหมวด 2 เท่านั้น เสี่ยงต่อการทำให้ของดีๆในรัฐธรรมนูญปี 2560 หายไป อาทิ ขั้นตอนการตรา พ.ร.บ.หรือรัฐธรรมนูญ กลไกองค์กรอิสระต่างๆ ศาลปกครองและศาลรัฐธรรมนูญ รวมทั้งกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญต่างๆอาจถูกเปลี่ยนไป เมื่อยกร่างใหม่ โดยเฉพาะ พ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ นอกจากนี้ยังต้องใช้เวลาอีก 15-19 เดือนกว่าจะสำเร็จทุกขั้นตอน คิดทบทวนอย่างรอบคอบแล้ว ในชั้นวาระที่ 1 จะให้ตนซึ่งเป็น 1 ใน 250 ส.ว.คัดค้านร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เสนอจาก ส.ส.ทั้ง 2 ฝ่าย โดยเฉพาะจากพรรคร่วมรัฐบาลภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีได้อย่างไร ดังนั้น ในการพิจารณาแก้รัฐธรรมนูญวาระแรก วันที่ 24 ก.ย. ส่วนตัวจะลงมติให้ความเห็นชอบร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ให้ ส.ส.ร.ดำเนินการยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งสองฉบับ หรือถ้ามีร่างแก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 272 ยกเลิกอำนาจ ส.ว.โหวตเลือกนายกฯ เสนอเข้ามาก็พร้อมลงมติให้ความเห็นชอบ

เชื่อปล่อยฟรีโหวตให้ ส.ว.ลงมติ

พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช ส.ว. กล่าวว่า ขณะนี้เร็วเกินไปที่จะพูดว่า ส.ว.จะสนับสนุนให้ตั้ง ส.ส.ร.ในการแก้รัฐธรรมนูญหรือไม่ เพราะต้องรอดูร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับอื่นๆว่ามีการเสนอเพิ่มเติมมาอีกหรือไม่ นอกเหนือจากร่างของ ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน เท่าที่ดูเห็นว่า อาจจะมีร่างขอแก้ไขเป็นรายมาตราเข้ามาด้วย ต้องขอดูให้ครบทุกร่างก่อน เท่าที่คุยกับ ส.ว.ขณะนี้ ยังเสียงแตก มีทั้งฝ่ายสนับสนุนให้ตั้ง ส.ส.ร.และไม่ตั้ง ส.ส.ร. แต่สุดท้ายแล้วเชื่อว่าวุฒิสภาคงให้เป็นเอกสิทธิ์ของ ส.ว.แต่ละคน ในการลงมติในที่ประชุมรัฐสภา วันที่ 24 ก.ย.นี้ ว่าจะรับหลักการร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระแรกหรือไม่

ทั้งนี้ ประเด็นเรื่องการแก้ไขมาตรา 272 เรื่องการตัดอำนาจ ส.ว.โหวตนายกรัฐมนตรีนั้น ส.ว.ไม่ขัดข้อง ทุกคนพร้อมลดอำนาจตัวเองลงมา เพราะสถานการณ์ปัจจุบันไม่จำเป็นต้องมาพึ่ง ส.ว.ลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี เชื่อว่า ถ้าแก้ไขเพียงแค่ลดอำนาจเรื่องการโหวตนายกฯ ส.ว.ไม่ขัดข้อง แต่ถ้าจะไปถึงขั้นตัด ส.ว.ออกจากรัฐธรรมนูญฉบับนี้ หรือปิดสวิตช์ ส.ว.ทั้งระบบ คงเป็นไปไม่ได้ เพราะขัดต่อรัฐธรรมนูญ ทำให้รัฐธรรมนูญเดินต่อไม่ได้ ดูแล้วคงเป็นแค่คำพูดโก้ๆ

กระทุ้ง ส.ว.ลดทิฐิคลี่คลายวิกฤติ

นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีนายวันชัย สอนศิริ ส.ว. ประกาศปิดสวิตช์ตัวเอง ไม่โหวตเลือกนายกรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 272 ว่า เป็นเรื่อง น่ายินดีที่ ส.ว.หลายคนเริ่มเคลื่อนไหวแสดงจุดยืนตัวเองชัดเจน ยอมรับกระแสเรียกร้องของสังคมทุกภาคส่วนที่ต้องการให้แก้รัฐธรรมนูญ ยกเลิกมาตรา 272 ถ้ามี ส.ว.คนอื่นๆมีแนวความคิดเช่นนี้ เชื่อว่าการแก้รัฐธรรมนูญจะประสบความสำเร็จ สิ่งที่สังคมกังวลขณะนี้คือ เสียง ส.ว. 1 ใน 3 คือ 84 คน ต้องยกมือสนับสนุนญัตติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคร่วมรัฐบาล และพรรคฝ่ายค้านที่มีเนื้อหาทำนองเดียวกันคือ แก้ไขมาตรา 256 ให้มี ส.ส.ร. หากมีเสียงสนับสนุนจาก ส.ว. ไม่ถึง 84 คน ญัตติทั้งหมดก็ตกไป ขอให้ ส.ว.ทุกคนตระหนักว่า ส.ว.เป็นส่วนสำคัญที่จะคลี่คลายสถานการณ์บ้านเมืองให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองโดยสันติวิธี การชุมนุมของนักเรียน นิสิต นักศึกษาขณะนี้ มีข้อเสนอให้แก้รัฐธรรมนูญเป็นเป้าหมายหลัก และวุฒิสภามีบทบาทสำคัญปลดล็อกให้บ้านเมืองออกจากวิกฤติได้ อยากให้ ส.ว. ลดทิฐิลง ปล่อยวางเหมือนนายวันชัย สอนศิริ นายเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ส.ว. โดยเชิญชวนทุกฝ่าย ร่วมมือแก้รัฐธรรมนูญให้เป็นไปตามข้อเรียกร้องทุกภาคส่วนในสังคม

คนไทยยี้ไม่เอารัฐบาลแห่งชาติ

วันเดียวกัน ซูเปอร์โพลเปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นประชาชน เรื่องรัฐบาลแห่งชาติ จากประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ ผ่านเสียงประชาชนในโลกโซเชียล จำนวน 1,712 ตัวอย่าง และเสียงประชาชนในสังคม จำนวน 1,187 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 1-5 ก.ย.ที่ผ่านมา โดยเมื่อถามถึงประเทศที่มีรัฐบาลแห่งชาติ นึกถึงประเทศอะไร พบว่า ร้อยละ 35.5 นึกถึงประเทศจีน รองลงมาร้อยละ 24.0 นึกถึงประเทศสหรัฐอเมริกา ร้อยละ 17.2 นึกถึงรัสเซีย ร้อยละ 23.3 นึกถึงประเทศอื่นๆ ขณะที่ประชาชนร้อยละ 72 ระบุว่า รัฐบาลแห่งชาติเป็นรัฐบาลที่มั่นคงมากถึงมากที่สุด ร้อยละ 67.6 ระบุรัฐบาลแห่งชาติเป็นรัฐบาลที่มั่งคั่งมากถึงมากที่สุด และร้อยละ 66 ระบุรัฐบาลแห่งชาติจะเป็นรัฐบาลที่ยั่งยืนมากถึงมากที่สุด อย่างไร ก็ตาม เมื่อถามว่า จะเอารัฐบาลแห่งชาติหรือไม่ ปรากฏว่า ร้อยละ 64.7 ระบุไม่เอา และร้อยละ 31.9 เอารัฐบาลแห่งชาติ

แนะรัฐบาลกู้ ศก.กำจัดจุดอ่อน

ขณะที่สวนดุสิตโพลระบุผลสำรวจความคิดเห็นประชาชน เรื่องเสถียรภาพรัฐบาล ณ วันนี้ จากประชาชน จำนวน 1,768 คน ระหว่างวันที่ 1-4 ก.ย.2563 พบว่า ร้อยละ 71.15 เห็นว่า รัฐบาลอยู่ในสภาวะที่ไม่มั่นคง ร้อยละ 28.85 เห็นว่า รัฐบาลมีความมั่นคง โดยจุดแข็งที่ทำให้รัฐบาลเข้มแข็ง มั่นคง คือการมีเสียง ส.ว. สนับสนุน ร้อยละ 64.74 รองลงมาคือ มีอำนาจเบ็ดเสร็จ 54.62% และมีเสียงข้างมากในสภา 51.52% ส่วนจุดอ่อนคือ ประเทศเผชิญปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำ ร้อยละ 77.49 รองลงมาคือ การบริหารประเทศย่ำแย่ ร้อยละ 67 และมีกระแสต่อต้านรัฐบาลมากขึ้นร้อยละ 63.79 ส่วนวิธีที่จะทำให้รัฐบาลมั่นคงนั้น ร้อยละ 83.73 เห็นว่าต้องแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ร้อยละ 69.99 ปราบปรามการทุจริต และร้อยละ 66 รับฟังประชาชนผลสำรวจดังกล่าวสะท้อนภาพชัดเจนว่า ปัญหาเศรษฐกิจ เป็นปัญหาหลักรัฐบาลชุดนี้ที่ต้องแก้ให้ได้ หากประชาชนอยู่ได้ รัฐบาลก็อยู่รอด และรัฐบาลต้องแก้ไขภาพการทุจริต การปิดกั้นความคิดเห็น โดยเน้นการ เปิดใจรับฟัง และพัฒนาความเป็นอยู่ประชาชนให้ดีขึ้น เพื่อให้รัฐบาลมีความเข้มแข็งและมีเสถียรภาพ

โพลเมินแบนสินค้าฝ่ายเห็นต่าง

ด้านนิด้าโพลเปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นประชาชน เรื่อง “เสรีภาพในการโจมตีผู้เห็นต่าง”กรณีการรณรงค์ผ่านสื่อออนไลน์เพื่อต่อต้านผู้แสดงความคิดเห็นต่างทางการเมือง พบว่า ร้อยละ 51.58 ระบุเป็นสิทธิและเสรีภาพที่ทำได้ในระบอบประชาธิปไตย ร้อยละ 13.20 เป็นการละเมิดสิทธิผู้แสดงความคิดเห็นต่าง ร้อยละ 12.14 ระบุ เป็นแค่การทำตามกระแส ส่วนความกลัวของประชาชน หากแสดงความเห็นต่างทางการเมือง แล้วจะถูกโจมตีผ่านสื่อออนไลน์นั้น ร้อยละ 10.48 กลัวมาก เพราะทุกเพศ ทุกวัยมีสื่อออนไลน์ที่เข้าถึงง่าย ร้อยละ 20.67 ค่อนข้างกลัวเกรงเกิดผลกระทบต่ออาชีพการงาน ร้อยละ 46.30 ระบุไม่กลัวเลย เพราะเป็นสิทธิเสรีภาพที่แสดงความเห็นต่างในพื้นที่ส่วนตัวของตนเอง ไม่ละเมิดผู้อื่น เมื่อถามถึงผลกระทบการตัดสินใจต่อการบริโภค กรณีการรณรงค์แบนสินค้าของผู้เห็นต่างทางการเมืองนั้น ร้อยละ 11.16 ระบุ มีผลกระทบมาก เพราะมีผลด้านจิตใจกับผู้สนับสนุนหรือผู้แสดงความคิดเห็นต่างทางการเมือง ร้อยละ 15.31 ค่อนข้างมีผลกระทบ เพราะผู้สนับสนุนหรือผู้แสดงความคิดเห็นต่างไม่มีใจเป็นกลาง ส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อสินค้าร้อยละ 12.90 ไม่ค่อยมีผลกระทบ เพราะการบริโภคสินค้าดูจากคุณภาพมากกว่าปัจจัยอื่นๆ และร้อยละ 57.46 ระบุ ไม่มีผลกระทบเลย เพราะดูที่ตัวสินค้าเป็นหลักในการบริโภค

นายกฯเน้นเคร่งครัดลดอุบัติเหตุ

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ช่วง 1-2 วันที่ประชาชนจะ สัญจรกลับมาทำงานในช่วงชดเชยวันหยุดยาว หลัง จากเดินทางกลับภูมิลำเนาหรือไปท่องเที่ยวพักผ่อน ทำให้การจราจรบนถนนเริ่มหนาแน่นมากขึ้น โดย เฉพาะเส้นทางจังหวัดแหล่งท่องเที่ยวสำคัญที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวจะมีปริมาณรถมากเป็นพิเศษ อาจเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย ดังนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม มีความ ห่วงใยประชาชนที่ต้องสัญจรบนท้องถนน จึงฝากย้ำเตือนเรื่องการใช้รถใช้ถนนให้ปฏิบัติตามกฎจราจร เคร่งครัด ป้องกันการสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นจากอุบัติเหตุ ให้ใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ นอกจากนี้ ขอความร่วมมือเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายช่วยกวดขัน เฝ้าระวังป้องกันเหตุให้มากที่สุด

รัฐบาลปรับแผนรับสังคมผู้สูงอายุ

น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หลังจากสานต่อแผนปฏิบัติการด้านผู้สูงอายุ (พ.ศ.2545-2565) เตรียมพร้อมสังคมไทยเข้าสู่สังคมสูงอายุอย่างสมบูรณ์ ในปี 2564 ที่ คาดจะมีประชากรไทย อายุ 60 ปีขึ้นไป เป็นสัดส่วนร้อยละ 20 ของประชากรทั้งหมด และปี 2574 สัดส่วน จะเพิ่มสูงถึงร้อยละ 28 เข้าสู่สังคมสูงอายุระดับสุดยอด ดังนั้น เพื่อให้ประเทศมีสังคมสูงอายุที่มีคุณภาพ คณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ ที่มีนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ได้ปรับแผนปฏิบัติการ ปี 2563-2565 อาทิ รณรงค์ให้สังคมตระหนักถึงความจำเป็นเตรียมการเข้าสู่การเป็นผู้สูงอายุ ให้คนวัยทำงานมีความเข้าใจถึงการเตรียมตัวด้านต่างๆ เช่น รายได้ สุขภาพ ที่อยู่อาศัย สร้างสังคมมีทัศนะเชิงบวกต่อผู้สูงอายุ ไม่มองเป็นภาระต่อสังคม เน้นสร้างทัศนคติกับกลุ่มอายุ 18-59 ปี จำนวน 40 ล้านคน การจ้างงานผู้สูงอายุให้รู้สึกว่ามีคุณค่า มีรายได้ ตั้งเป้าว่าปี 2564 ผู้สูงอายุ 1.95 แสนคน จะมีงานทำ จะเน้นให้ลูกหลานกลับมา อยู่กับครอบครัวมากขึ้น

“บิ๊กป้อม” สั่ง ส.ส.เร่งช่วยเกษตรกร

ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคพลังประชารัฐว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ สั่งกำชับ ส.ส.ลงพื้นที่ พบประชาชนรับฟังปัญหาต่างๆ เพื่อนำมาพิจารณาให้ความช่วยเหลือต่อไป เพราะขณะนี้หลายพื้นที่จำเป็นต้องฟื้นฟูจากสถานการณ์โควิด-19 บางพื้นที่ประสบปัญหาสถานการณ์อุทกภัย อีกทั้งหลายพื้นที่ประชาชน รวมถึงเกษตรกรประสบปัญหาน้ำแล้ง จึง สั่งการให้ ส.ส.เข้าไปให้ความช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับความเดือดร้อนจากผลผลิตทางการเกษตรล้นตลาด อำนวยความสะดวกระบายสินค้าให้ถึงมือผู้บริโภค ด้วยการนำผลิตภัณฑ์การเกษตรที่มีชื่อเสียงแต่ละจังหวัด อาทิ ผัก ผลไม้ มาขายที่ตลาดองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรในการกระจายสินค้าอีกทาง สำหรับการนำสินค้าแต่ละจังหวัดมาขายที่ตลาด อ.ต.ก.จะเริ่มขึ้นตั้งแต่วันที่ 11-20 ก.ย.63 โดยในแต่ละวันจะมีสินค้าของดีของแต่ละจังหวัดเข้ามาขาย

คนพิการลุยสกายวอล์กขอแก้ รธน.

เมื่อเวลา 17.45 น. ที่บริเวณสกายวอล์ก แยกปทุมวัน กลุ่มนักเคลื่อนไหวเรียกร้องการแก้ไขรัฐ– ธรรมนูญ Alliance for Inclusive Society Movement (Allism) จัดกิจกรรมแสดงละครใบ้เชิงสัญลักษณ์ โดยแต่งตัวเป็นผู้พิการนั่งรถเข็นเอื้อมแขนไขว่คว้าพานรัฐธรรมนูญ เพื่อเรียกร้องการแก้รัฐธรรมนูญในประเด็นการศึกษาของคนพิการ โดยอ่านแถลงการณ์ว่า รัฐธรรมนูญปี 2560 มาตรา 54 ว่าด้วยเรื่องการศึกษานั้น ไม่มีเนื้อหาใดที่กล่าวถึงคนพิการเหมือนนรัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 ที่บัญญัติให้คนพิการมีสิทธิได้รับการสนับสนุนจากรัฐเพื่อให้ได้รับการศึกษาทัดเทียมกับบุคคลอื่น ทำให้คนพิการถูกละเลย ไม่ได้สิทธิขั้นพื้นฐานด้านการศึกษาถูกแบ่งแยกกีดกัน จนขาดโอกาสในการทำงาน ขอเรียกร้องให้ร่างรัฐธรรมนูญใหม่มีมาตราเกี่ยวกับเรื่องการศึกษาให้เข้าถึงการศึกษาของคนพิการทุกประเภท คำนึงถึงความต้องการของผู้เรียนเป็นสำคัญ มีบทบังคับใช้กับทุกสถานศึกษาทั้งภาครัฐหรือเอกชน และบังคับให้สถานศึกษากำหนดสิ่งอำนวยความสะดวกในอาคาร สำหรับคนพิการและคนชราตามหลักเกณฑ์ข้อบังคับ และมีผลย้อนหลังครอบคลุมถึงทุกโรงเรียน รวมทั้งคุ้มครองสิทธิการเข้าถึงและทำกิจกรรมทางสังคม เพื่อ อำนวยต้นทุนให้คนพิการมีโอกาสเข้าถึงการศึกษา

ม็อบโชว์ทุบศาลไม้หน้าเรือนจำ

อีกด้านหนึ่งที่หน้ารั้วเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ น.ส.จุฑาทิพย์ ศิริขันธ์ หรืออั๋ว ประธานสหภาพนักเรียน นิสิต นักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนท.) พร้อม น.ส.ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล แกนนำกลุ่มประชาชนปลดแอก จัดปราศรัยกดดันให้เจ้าหน้าที่ปล่อยตัวนายอานนท์ นำภา และนายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์ ระยอง อย่างไม่มีเงื่อนไข หลังศาลอาญาสั่งถอนประกันทั้งคู่ก่อนพามาคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ โดยในกิจกรรมมีการทุบศาลพระภูมิไม้ขนาดเล็ก เพื่อสื่อถึงการทำลายกระบวนการยุติธรรมที่ไม่เป็นธรรมในประเทศไทย โดย น.ส.ภัสราวลีกล่าวว่า มาทวงคืนความยุติธรรมให้เพื่อนๆ พี่ๆที่ถูกคุมตัวขังในเรือนจำ ทั้งที่คุกมีไว้ขังคนผิด แต่การที่ทั้งสองคนออกมาพูดให้รัฐบาลแก้ไขสิ่งผิด กลับกลายต้องโทษจำคุก การพูดความจริงไม่ควรถูกกล่าวหาว่ายุยงปลุกปั่น นายอานนท์ และนายภาณุพงศ์ ไม่ได้บอกให้ประชาชนจับปืนบุกทำเนียบ แต่พูดว่า เผด็จการที่ฝังรากลึกในประเทศทำให้เกิดความย่อยยับเพียงใด




September 07, 2020 at 05:25AM
https://ift.tt/35e4BYS

ส.ว.ไม่ขอโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีอีก สัญญาณชัดแก้รัฐธรรมนูญ - ไทยรัฐ

https://ift.tt/39v22A5


Bagikan Berita Ini

Related Posts :

0 Response to "ส.ว.ไม่ขอโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีอีก สัญญาณชัดแก้รัฐธรรมนูญ - ไทยรัฐ"

Post a Comment

Powered by Blogger.