
จากการเปิดปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทลายแก๊งฟอกเงินกระจายในพื้นที่กรุงเทพฯ และต่างจังหวัดในหลายพื้นที่ ให้กับขบวนการค้ายาเสพติดรายใหญ่ นำเงินที่ได้จากการค้ายาเสพติดโอนเข้าบัญชีร้านทอง เพื่อซื้อขายทองคำแท่ง และยังฟอกเงินด้วยการซื้อขายน้ำมัน และธุรกิจอื่นๆ รวมมูลค่ามหาศาลกว่า 2 แสนล้านบาท
ที่ผ่านมากว่า 1 ปี กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ได้แกะรอยมานาน หลังจับกุมขบวนการยาเสพติดในพื้นภาคอีสาน นำไปสู่การขยายผล ร่วมกับตำรวจฝ่ายต่างๆ ทั้งกองปราบ ตำรวจภาค 8 ภาค 5 และหน่วยต่างๆ ที่เกี่ยวข้องสอบสวนเส้นทางการเงิน จนสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 300 คน ทั้งเจ้าของร้านทอง เครือญาติ เจ้าของธุรกิจน้ำมัน บริษัทส่งสินค้าเกษตร และผู้รับเปิดบัญชีรับโอนเงิน และกดเงิน ที่เหลืออยู่ระหว่างการจับกุม โดยเฉพาะผู้บงการใหญ่ที่อยู่เบื้องหลัง ซึ่งขณะนี้สังคมตั้งหน้าตั้งตารอ คือใคร?
- แก๊งฟอกเงินนี้เกี่ยวโยงกับเครือข่ายยาเสพติดใหญ่ 4 เครือข่ายหลัก หนึ่งในนั้นมีเครือข่ายดาวเรือง แก๊งยาเสพติดในภาคใต้และกรุงเทพฯ นำเงินมาฟอกผ่านร้านทอง ย่านวังบูรพา จากการสั่งการของผู้บงการที่ขณะนี้ยังเคลื่อนไหวอยู่ในประเทศ และบางส่วนสั่งการมาจากในเรือนจำ
- เมื่อย้อนการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด หลังจับแก๊งยาเสพติด เริ่มต้นจากการแกะรอยบัญชีเงินฝากของชายรายหนึ่งชื่อ “สุทธิชัย” ถือเป็นหัวโจกใหญ่ เชื่อมโยงกับ “แม็ค คิสเนอร์” แก๊งแฝดทมิฬ นักค้ายาเสพติดรายใหญ่ในพื้นที่ภาคกลาง มีการเปิดบัญชีรับเงินจากการขายยาเสพติดจากกลุ่มเอเย่นต์ทั่วประเทศ ยอดเงินหมุนเวียนมากถึง 3 พันล้านบาท จนสามารถจับกุมผู้เกี่ยวข้องที่รับโอนเงิน 10 ราย
- ต่อมาเมื่อมีการตรวจสอบได้พบบัญชีของหญิงสาวชื่อ “ศรีนวล” ไม่มีสัญชาติในพื้นที่ชายแดนภาคเหนือใน อ.แม่สอด จ.ตาก มีการรับโอนเงินจากบัญชีของ “สุทธิชัย” และในปี 2562 บัญชีทั้งสองบัญชี มีรายการโอนเงินไปยังบัญชีของบริษัทเดียวกัน คือ บริษัท ชมพู (บ้วนหลี) จำกัด พบว่าเป็น ร้านทองชมพู (บ้วนหลี) ตั้งอยู่ที่เลขที่ 645 และเลขที่ 647 ถนนจักรเพชร แขวงวังบูรพาภิรมย์ เขตพระนคร กรุงเทพฯ รวมแล้ว 8 รายการ เป็นเงิน 2 ล้านกว่าบาท โดยพนักงานของร้านให้การว่า เป็นค่าสั่งซื้อทองคำแท่ง
- ไม่เท่านั้น “สุทธิชัย” ยังโอนเงินชำระค่าทองคำแท่ง 10 กก.ให้กับเจ้าของร้านทองทรัพย์ ทวี ใน จ.กาญจนบรี ซึ่งเป็นผู้สั่งซื้อทอง รวมเป็นเงิน 13,169,200 บาท โอนเข้ามายังบัญชีบริษัท ชมพู (บ้วนหลี) เพื่อชำระค่าทองคำแท่งแทนเจ้าของร้านทองทรัพย์ทวี จากนั้นเจ้าของร้านทองดังกล่าวมีการออกใบเสร็จในชื่อ MI CHO CHO THAE ลูกค้าชาวเมียนมา โดยไม่ออกใบเสร็จในนามตนเอง โดยบอกว่าเป็นลูกค้าที่ส่ังซื้อผ่านตน และให้ลูกค้าโอนเงินโดยตรงให้กับร้านทองชมพู (บ้วนหลี) ส่วนตัวเองได้เงินค่าติดต่อสั่งซื้อทองคำแท่งจากลูกค้าพม่าอีกบาทละ 30-50 บาท ซึ่งลูกค้าจะโอนมาให้ต่างหาก
- ขบวนการแก๊งฟอกเงิน ทำงานเป็นทีมเดียวกัน ยังพบบัญชีของ “ศรีนวล” โอนเงิน 6 รายการ ชำระค่าทองแท่งของร้านทรงศิริ แม่สอด ในช่วงเดือน ก.ย. 2562 คร้ังละ 10-20 กก. เป็นเงินประมาณ 10-20 ล้านบาท และเจ้าของร้านทอง ได้ออกใบเสร็จในช่ือชายชาวเมียนมา และอ้างว่าได้ให้ลูกค้าโอนเงินโดยตรง เพื่อชำระเงินค่าทองคำแท่งให้กับร้านชมพู (บ้านหลี) จากนั้นเจ้าของร้านทรงศิริ แม่สอด จะมารับทองคำเอง เมื่อมีการชำระเงินครบถ้วนในแต่ละครั้งแล้ว
- เมื่อสืบสาวไปอีกยังพบว่าแก๊งฟอกเงิน เกี่ยวข้องกับเครือข่าย “แปดเทพ อสูร” โยงกับกลุ่มนักค้ายาเสพติด ในพื้นที่ชายแดนภาคอีสาน ด้าน จ.หนองคาย จากการสอบสวนเส้นทางการเงิน จนสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 4 ราย นำไปสู่การขยายผลจับกุมนักค้ายา เครือข่าย “นักบิน รถแต่ง” และเมื่อตรวจสอบเส้นทางการเงินก็ล้วนแต่เกี่ยวข้องกับร้านทองชมพู (บ้วนหลี) จนไปสู่การจับกลุ่มผู้เกี่ยวข้องในแก๊งฟอกเงินทั้งหมด รวมถึงชาวเมียนมา
- แก๊งฟอกเงินยังเกี่ยวข้องกับขบวนการค้ายาใน จ.กาญจนบุรี นำเงินเข้าบัญชี “สมบุญ ชะนะ” ชายชาวเมียนมา ใน อ.แม่สอด จ.ตาก ซึ่งเป็นบุคคลไม่มีสถานะทางทะเบียน แต่แจ้งภูมิลำเนาอยู่ใน อ.บางสะพานน้อย จ.ประจวบคีรีขันธ์
- ต่อมาสำนักงาน ป.ป.ง.พบข้อมูลบัญชีของ “สมบุญ ชะนะ” มีการโอนเงินไปเข้าบัญชีร้านทองชมพู (บ้วนหลี) จำนวน 1 ครั้ง ยอดเงิน 1,095,725 บาท จนนำไปสู่ปฏิบัติการอายัดบัญชีฟอกเงิน 3,000 ล้านบาท เมื่อเดือน เม.ย.2563 และกระทั่งล่าสุดมีการสนธิกำลังของเจ้าหน้าที่ตำรวจทลายแก๊งฟอกเงินกลุ่มนี้ พบมีเงินมูลค่ามหาศาลกว่า 2 แสนล้านบาท
“ทีมข่าวเจาะประเด็นไทยรัฐออนไลน์” พูดคุยกับ พ.ต.อ.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ รองผู้บังคับการปราบปรามยาเสพติด 3 ในฐานะรองโฆษกกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ระบุว่า ในอดีตเมื่อ 2-3 ปีก่อน แก๊งยาเสพติด มีการจ้างคนให้ขนเงินจากการขายยาเสพติด ออกไปทางแนวชายแดนไทยไปยังประเทศเพื่อนบ้าน โดยครั้งหนึ่งเป็นจำนวนหลักล้านบาท หรือมากสุด 100 ล้านบาท อาทิ แก๊งยาเครือข่าย “จะลอโบ” หรือแก๊งยาเครือข่าย “ไซซะนะ” ต่อมาการ "ฟอกเงิน" พัฒนามาเป็นการพนันออนไลน์ ซึ่งเป็นสิ่งผิดกฎหมายทำให้ถูกจับได้ง่าย กระทั่งพัฒนามาเป็นรูปแบบซื้อขายทองคำ หรือการลงทุนอื่นๆ เนื่องจากเป็นสิ่งไม่ผิดกฎหมาย และค่อนข้างยากที่ตำรวจจะติดตามจับกุมและตรวจสอบเส้นทางการเงิน จึงเป็นที่นิยมในปัจจุบัน
“ดูเหมือนร้านทองมีการเปิดอย่างถูกต้อง ต่อมาทางตำรวจได้มีการขยายผลใช้เวลาเป็นปี หลังจากจับกุมแก๊งยาเสพติดในแต่ละกลุ่ม นำมาเชื่อมโยงกัน จนมีการขยายผลพบว่ามีการฟอกเงินในลักษณะซื้อขายทองคำแท่ง และเมื่อสอบปากคำเจ้าของร้านทองมักจะปฏิเสธไม่รู้ไม่เห็น ทั้งๆ ที่รู้อยู่แก่ใจว่าเงินมหาศาลมีที่มาที่ไป ทั้งที่เป็นร้านทองขนาดไม่ใหญ่มาก จะซื้อทองได้มหาศาลขนาดนี้ได้อย่างไร นำไปสู่ข้อสงสัย หากตำรวจไม่มั่นใจในข้อมูลคงไม่บุกทลายแก๊งฟอกเงินเหล่านี้ จนจับตัวผู้เกี่ยวข้องเชื่อมโยงหลายแก๊งยาเสพติด โดยมี แก๊งดาวเรือง เป็นตัวการใหญ่ในการฟอกเงิน”
อ่านเพิ่มเติม...
June 19, 2020 at 08:47PM
https://ift.tt/3dft2W8
กระชากหน้ากาก แก๊งฟอกเงิน 2 แสนล้าน เครือข่ายยา เปิดร้านทองซื้อขายบังหน้า - ไทยรัฐ
https://ift.tt/39v22A5
Bagikan Berita Ini
0 Response to "กระชากหน้ากาก แก๊งฟอกเงิน 2 แสนล้าน เครือข่ายยา เปิดร้านทองซื้อขายบังหน้า - ไทยรัฐ"
Post a Comment