จากกรณีที่นางสุรีพร ศรีทอง อายุ 38 ปี ได้ไปซื้อโทรศัพท์มือถือกับร้านแห่งหนึ่งเป็นเงินจำนวน27,000 บาท วางเงินดาวน์ไป 8,000 บาทผ่อนส่งได้เพียง 2 งวด แล้วไม่ได้ส่งต่อ ทำให้ถูกฟ้องร้องดำเนินคดีจนกรมบังคับคดีต้องนำที่ดินและที่อยู่อาศัยไปขายทอดตลาดในราคา5 แสนกว่าบาท เพื่อนำเงินมาจ่ายค่าโทรศัพท์รวมดอกเบี้ยเป็นเงินจำนวน37,000 บาท โดยขณะนี้ได้รับความเดือดร้อน เพราะจะถูกยึดที่ดินและถูกไล่ที่จนต้องไปขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานต่าง ๆ และเรื่องอยู่ระหว่างไกล่เกลี่ยระหว่างครอบครัวของนายประเสริฐ เจ้าของที่ดินและบุคคลที่ซื้อที่ดินไป เนื่องจากหากจะซื้อคืนต้องซื้อในราคา 1.6 ล้านบาท ทางครอบครัวยากจนไม่มีกำลังซื้อคืนกลับมาในราคาดังกล่าวและที่ดินทั้งหมดก็เป็นมรดกตกทอดตั้งแต่บรรพบุรุษตามที่เสนอข่าวไปนั้น
เมื่อวันที่ 9 มิ.ย. นายประเสริฐ ศรีทอง บิดาของนางสุรีพร กล่าวว่า ก่อนหน้าที่จะถูกกรมบังคับคดีนำที่ดินไปขายทอดตลาดนั้นมีเจ้าหน้าที่จากร้านจำหน่ายมือถือมาหาตนที่บ้าน ถามว่าตนใช่บิดาของนางสุรีพรหรือไม่ พร้อมกับนำเอกสารบางอย่างมาให้เซ็น แจ้งว่ากรมบังคับคดีส่งมาเพราะนางสุรีพรซื้อโทรศัพท์และค้างชำระ เพื่อให้ตนเซ็นรับทราบแต่ก็ไม่รู้เป็นหนังสือเอกสารอะไร เนื่องจากตนเรียนมาน้อยอ่านหนังสือไม่ออก จึงถามย้ำกลับไปว่าใช่ใบมอบอำนาจรึเปล่า ทางเจ้าหน้าที่ก็ยืนยันว่าไม่ใช่ อีกทั้งไม่มีการพูดจาหรืออธิบายใด ๆ ทั้งสิ้น พอมารู้ที่หลังเหมือนถูกหลอกให้เซ็นจนโดนกรมบังคับคดีนำที่ดิน4 ไร่ พร้อมกับบ้านที่อยู่อาศัยอีก 3 หลัง ไปขายทอดตลาด

“รู้สึกตกใจมากทำอะไรไม่ถูก เครียดกินไม่ได้ นอนไม่หลับทั้งวันทั้งคืน แล้วมีคนนำหมายมาติดหน้าบ้าน พร้อมกับถ่ายรูป พอถ่ายรูปเสร็จก็บอกว่าให้แกะออกได้เลยไม่มีอะไร ซึ่งตอนแรกก็รู้สึกโกรธลูกสาวเป็นอย่างมาก ที่ทำให้ต้องถูกยึดที่ดินของบรรพบุรุษทำให้ พ่อ แม่ พี่ชาย เดือดร้อนไปตาม ๆ กัน เพียงเพราะขาดส่งค่างวดโทรศัพท์มือถือหลักฐานแต่กลับถูกยึดที่ดิน ยึดบ้านหลักล้าน สุดท้ายก็ให้อภัยลูก เพราะยอมรับว่าตัวเองก็ผิดจริง ๆ ก็รู้สึกเห็นใจ จึงอยากขอวิงวอนผู้ที่ซื้อไปให้ช่วยเห็นใจครอบครัวตนเองและลูก ๆ หลาน ๆ ด้วย อย่าขายคืนเอากำไรมากมายเลย เพราะไม่มีหนทางจะไปทางไหนแล้ว เดือดร้อนมาก ๆ ถ้าถูกยึดที่ดินจริงขอตายดีกว่าอยู่” นายประเสริฐ กล่าว

ด้านนายศิริศักดิ์ ศรีทอง อายุ 45 ปี บุตรชาวคนโต กล่าวว่า ที่ดินพร้อมบ้านที่จะถูกยึดนั้น ทางผู้ที่ซื้อไปได้ติดต่อผ่านนางสุรีพร น้องสาวมาว่าจะต้องจ่ายค่าเช่าเป็นเงินจำนวนเดือนละ 3,000 บาท โดยเริ่มจ่ายให้โอนเงินไปในวันพรุ่งนี้ ครอบครัวตนเองก็ยากจน มีภรรยาที่สายตาไม่ดีและลูกเล็กต้องดูแลอีก 3 คน รายได้ก็ไม่พอกินไปวัน ๆ ที่พ่อแปลงเดียว หากถูกยึดก็ไม่รู้จะไปอาศัยที่ไหนแล้ว
นางสุรินทร์ เกิดคุณธรรม อายุ 63 ปี เพื่อนบ้าน กล่าวว่า รู้สึกสงสารและเห็นใจขอเป็นกำลังใจให้กับครอบครัวของคุณตาประเสริฐ เพราะจะไม่มีบ้านอยู่ แต่ก็ไม่รู้จะช่วยยังไง สมบัติดั้งเดิมของปู่ย่าตายาย แต่กลับมาถูกขายเพียงเพราะโทรศัพท์มือถือราคาไม่กี่หมื่นบาท กลายเป็นเรื่องใหญ่โตบานปลาย ที่สำคัญเจ้าหน้าที่ที่นำเอกสารมาให้เซ็นก็ไม่อธิบายว่าคือเอกสารอะไร จนคนแก่ยอมเซ็นให้เหมือนกับว่ามาหลอกคนแก่ให้เซ็นยินยอม นอกจากนี้ ผู้ที่ซื้อที่ดินไปยังเคยพูดว่าชอบที่ดินแปลงนี้มาก เพราะที่สวยด้านหน้าอยู่ติดถนน ส่วนด้านหลังอยู่ติดริมแม่น้ำน่าน.

 
June 09, 2020 at 05:47PM
https://ift.tt/2UvBgTl
พ่อเจ้าของที่4ไร่ลั่นยอมตาย ถ้าหลุดไปเป็นของคนอื่น - เดลีนีวส์
https://ift.tt/39v22A5
Bagikan Berita Ini

0 Response to "พ่อเจ้าของที่4ไร่ลั่นยอมตาย ถ้าหลุดไปเป็นของคนอื่น - เดลีนีวส์"
Post a Comment